วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เกษตรปราณีต วิถีแห่งความพอเพียง

จากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2540 ทำให้เกิดภาวะหนี้สินขึ้นทั่วทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ...




จากการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2540 ทำให้เกิดภาวะหนี้สินขึ้นทั่วทุกพื้นที่ โดยเฉพาะที่ภาคอีสาน เมื่อก่อนหนุ่มสาวต่างจังหวัดที่เดิน ทางเข้าไปทำงานในกรุงเทพ แต่เมื่อเจอวิกฤติภาวะเศรษฐกิจ โรงงานหลายที่ปิดกิจการ ลดปริมาณพนักงานลง ทำให้หลายคนตกงาน โดนเลิกจ้าง ต้องเดินทางกลับบ้านเกิดเหมือนเดิม

จากเหตุการณ์นี้เองทำให้กลุ่มคนที่ชาวบ้านยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ได้รวมกลุ่มและจัดตั้งขึ้นเป็นเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน และพหุภาคีภาคอีสาน โดยได้พยายามศึกษารูปแบบการทำเกษตรกรรมที่ไม่ได้ยกเอาเงินเป็นตัวตั้งในระบบ การผลิต แต่ยกเอา "ความสุข" ขึ้นมาแทนด้วยการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสานที่พึ่งตัวเอง ทำการออมน้ำ ออมสัตว์ และออมต้นไม้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง

ด้วยแนวคิดดังกล่าวจึงทำให้เกิดโครงการวิจัยและพัฒนาเกษตรกรรมอย่างประณีต 1 ไร่ เพื่อนำไปสู่การมีอยู่ มีกิน และปลดหนี้สิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยโครงการดังกล่าวจะเน้นการนำเอาองค์ความรู้ในการทำเกษตรผสมผสานของปราชญ์ ชาวบ้านมาออกแบบการทำเกษตรกรรมอย่างประณีต ที่จะต้องมีการศึกษาทั้งปริมาณและชนิดของพืช ที่จะใช้ปลูกรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องสามารถใช้ได้จริง

และหลังจากที่ได้ทดลองมาระยะหนึ่ง ทีมงานวิจัยที่ประกอบด้วย พ่อมหาอยู่ สุนทรชัย ปราชย์ชาวบ้านจากจังหวัดสุรินทร์ พ่อผาย สร้อยสระกลาง จากจังหวัดบุรีรัมย์ พ่อสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์,พ่อคำเดื่อง ภาษี,พ่อทัศน์ กระยอม และปราชญ์ชาวบ้านในภาคอีสานกว่า 20 คน ก็ได้สรุปว่าบนที่ดิน 1 ไร่ ต้องทำอย่างน้อย 8 อย่าง อาทิ ปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงสัตว์จำพวกปลา หมู หรือไก่ เป็นต้น

ซึ่งตามแนวคิดของพ่อมหานั้นการเกษตรปราณีต 1 ไร่ คือการปลูกด้วยฝีมือ มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีความมั่นคงต่อผู้ผลิต เป็นสวนอาหารของครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์และมีคุณภาพ มีความสุขบนตัวชี้วัดที่ตัวเองสร้างขึ้น และมีความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมของโลก โดยพ่อคำเดื่อง ภาษี ยังได้เพิ่มเติมอีกว่า การทำเกษตรปราณีตคือการเปลี่ยนวิธีคิดของเกษตรกร

"แม้แต่การคิดว่า 1 ไร่ มี 1,600 ตารางเมตรยังหยาบเกินไป อาจจะต้องคิดเป็นตารางฟุต ตารางนิ้ว หรือตารางเซนติเมตรไปเลย เป็นการท้าทายให้ไม่คิดเฉพาะบนดินแต่ใต้ดินก็สามารถปลูกพืชได้ เช่น ปลูกมันเทศไว้ในดิน เหนือดินขึ้นไป 2 ชั้น 3 ชั้น ก็มีต้นไม้ มีสัตว์ ...และถ้าเราคิดให้พื้นที่ 1 ไร่ เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีเส้นรอบแปลง 4 ด้านเท่ากับ 160 เมตร หรือ 160,000 เซนติเมตร จะมีชะอมโดยรอบ 500 กว่าต้น เก็บเกี่ยวแต่ละรอบก็เหลือกินมากและถ้าเหลือก็ขายวันละบาท จะมีเงินวันละ 500 บาท …นี่เฉพาะรั้ว ยังไม่นับพื้นที่ว่างในการปลูกผักผลไม้ ไม้ใช้สอย เพาะเห็ด เลี้ยงสัตว์นานาชนิดได้อีกมาก" พ่อคำเดื่องกล่าว

ดังนั้นหากจะนิยามความหมายของคำว่า "เกษตรปราณีต" คือการทำเกษตรแบบเข้าใจธรรมชาติ เป็นการเกษตรในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ที่สามารถปลูกพืชในครัวเรือนไว้กินไว้ใช้อย่างครบถ้วน โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ ในกระบวนการปลูก หากเหลือกินก็สามารถนำมาขายได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลี้ยงปลาหรือเลี้ยงไก่ก็ได้ และถ้าหากมีพื้นที่มากกว่า 1 ไร่ ก็สามารถขยายออกไปได้ ซึ่งเป็นการทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ใช่การลงทุนใหญ่ครั้งเดียวที่จะมีความเสี่ยงมากกว่า

และนี่ก็คือการทำการเกษตรแบบพอเพียง ที่น่าจะเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจในยุคน้ำมันแพงแบบนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น